วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน อาการเวียนหัว บ้านหมุน คลื่นไส้อาเจียน

โรคความดันน้ำในหูไม่เท่ากัน อยู่ดี ๆ ก็เป็นได้โดยไม่รู้ตัว และไม่ทันตั้งตัว อาการเริ่มต้นมาจากอยู่มาวันหนึ่งก็รู้สึกหูอื้อ และมีเสียงดังคล้ายกับจิ้งหรีดร้องในหู ก็ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง คุณหมอถามอาการแล้วก็บอกว่าปลายปราสาทหูเสื่อม ให้ยามาทานเป็นอยู่หลายเดือน อาการก็หายไปหลายปีมาก แล้วเมื่อปี 2550 โรคนี้ก็กลับมาอีกคราวนี้จากเสียงที่ดังค่อย ๆ ในหู กลับมีเสียงดังจนรำคาญมาก เสียงมันคล้ายกับวูดรถไฟดังอยู่ตลอดเวลาจนหูข้างซ้ายสูญเสียการได้ยินไปส่วนหนึ่ง ได้ยินเสียงคนพูดเบามากเพราะเจ้าเสียงนี้มันดังรบกวนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเวลานั่ง นอน หรือเดิน มันก็จะดังจนน่ารำคาญ จึงได้กลับมาพบแพทย์อีกครั้ง คราวนี้คุณหมดให้ตรวจการได้ยิน ผลก็ออกมาว่าหูข้างซ้ายสูญเสียการได้ยินไปเล็กน้อย ให้ยามาทาน ในช่วงแรกคุณหมอจะนัดทุกอาทิตย์เพื่อดูอาการประมาณ 5 เดือน หลังจากนั้นก็จะนัด 1 เดือนครั้ง ทานยาอยู่ประมาณ 2 ปีค่ะ แล้วโชคดีที่อยู่ดี ๆ อาการก็หายไปและก็ไม่ได้ทานยาเพราะเสียงที่ดังนั้นหายไป ก็คิดว่าโรคนี้ได้หายไปจากเราแล้ว
อีก 8 เดือนเมื่อปลายปี 2552 ต่อมาอาการเ่หล่านี้ก็กลับมาอีก คราวนี้อาการหนักและรุนแรงกว่าเดิมมาก จะมีอาการเวียนศรีษะจนบ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน ลุกไม่ขึ้นเพราะว่าไม่สามารถจะทรงตัวได้ เสียงที่ดังในหูก็มากขึ้นกว่าเดิม  ก็ลับไปหาหมอที่เดิมอีกครั้ง คราวนี้ทานยาอยู่หลายเดือนอาการต่าง ๆ ก็ไม่ดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองก็แทบจะไม่ได้แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำก็ต้องให้คนคอยพยุงไปส่งหน้าห้องน้ำ ทานข้าวก็ไม่ได้เพราะจะอาเจียน เวียนหัวอยู่ตลอดเวลา ไปพบหมออาทิตย์ละครั้ง จนเวลาผ่านไปเป็นเดือนคุณหมอเจ้าของไข้ บอกว่าอาการไม่ดีขึ้นจะต้องส่งต่อให้กับอาจารย์หมอที่เก่งที่สุดในแผนกนี้ ก็ดีใจมากเพราะคาดว่าถ้าได้เจอหมดที่เก่งก็จะทำให้เราหายจากอาการต่าง ๆ เร็วขึ้น ซึ่งอาจารย์หมอท่านนี้ก็แนะนำว่า ห้ามรับประทานชา กาแฟทุกชนิด ห้ามของเค็มทุกประเภทโดยเด็ดขาด รวมถึงห้ามทานชอกโกแล๊ตเพราะมีบางคนที่ทานแล้วอาการกำเริบก็มี ห้ามเคลียด พักผ่อนให้พอ ก็ปฏิบัติตามที่คุณหมอสั่งทุกอย่างอาการก็ไม่ดีขึ้น ต้องไปตามนัดทุกอาทิตย์ เวลาผ่านไปประมาณ 5 เดือน ก็ยังเวียนศรีษะบ้านหมุนอยู่เป็นประจำ ทานข้าวก็ไม่ได้ ค่อนข้างทรมานและรำคาญเป็นอย่างมาก  คราวนี้มาทราบภายหลังว่าโรคนี้รักษาไม่หายขาด ซึ่งอาการต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับได้แต่ละคน โชคดีก็หายได้แล้วก็กลับมาเป็นอีกได้ แต่ส่วนมากแล้วไม่ค่อยหาย ก็จะติดตัวเราไปตลอดค่ะ ใครที่ไม่เป็นก็นับว่าโชคดีที่สุึด ขอให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น